Sunday, 16 March 2008

อนุเสาวรีย์ ตัวกู ของกู

หลงจิต


วันนี้ขณะกำลังนั่งทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ จิตมันก็ถลำออกนอกอย่างเมามันส์ครับ รู้ตัวแต่ไม่ได้ดึงกลับ เพราะหลงอยู่ในรสของความคิดที่กำลังเกิด ก็ว่าไหนๆก็จะมีสังขารอยู่แล้วก็ให้มันปรุงให้มันแต่งในฝ่ายดี หรือ ที่พระท่านเรียกว่า ปุญญาภิสังขาร แล้วกันครับ ถ้ามันยังไม่หลุดพ้นจากภพจากชาติ ก็ให้มันเป็นภพชาติที่เป็นสุขคติอันเกิดจากบุญนี้แล้วกันครับ เหมือนที่แม่ผมบอกว่า


" ถ้ามันจะสมมุติ ก็สมมุติให้มันดีแล้วกัน "


ภาพอดีต


ก่อนวิ่งตามรถขายเกี๊ยวป๊อกๆ (ไฮโซมากแทน) มีเพื่อนพึ่งขอคำแนะนำการเรียนต่อที่อังกฤษครับ ก็ได้แนะนำไป พอล่วงเวลามาจิตมันยังไม่ทิ้งเรื่องนี้ครับ กลับวนเวียนไปหาภาพเก่าๆขณะพึ่งไปถึงบ้านนั้นเมืองนั้นได้ไม่นาน ได้เดินกินลมชมบรรยากาศบ้านเมืองผู้ดีอยู่ เห็นอนุเสาวรีย์ เป็นอนุสรณ์สถานให้วีรชนคนกล้าของเค้าอยู่มากมาย ดูยิ่งใหญ่ สงบเงียบ และน่าภาคภูมิใจ


ตามประสาคนคนหนึ่งที่ยังหลงอยู่ในกับดักของกิเลสครับ ก็เกิดจิตที่ท่านพุทธทาสเรียกว่า 'อหังการ - มหังการ' หรือ ความเห็นผิดว่ามี 'ตัวกู ของกู' เกิดขึ้น มีโมหะแล้วยังไม่พอ เกิดจิตโลภะตามมาติดๆเลย ว่า อยากเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เช่นเค้าเหล่านี้บ้าง และ อยากมีใครทำอนุเสาวรีย์เช่นนี้ให้บ้างเมื่อยามลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว


ง่ายๆก็คือ " ถึงตัวจะตาย ก็จะขอฝากลายไว้ในแผ่นดิน "


วีรบุรุษ







แล้วเป็นยังไงล่ะครับ ก็ทุกข์สิครับ เล่นหลงเอาตัวเองไปทาบรัศมีวีรบุรุษของเขาอย่าง Sir Churchill ผู้นำอังกฤษพ้นจากวิกฤตสงครามโลกครั้งที่สองจนได้รับการยกย่องเสมอๆว่า เป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศเค้า ผู้มีคำพูดดีๆที่ผมมักนำมาเตือนสติตนเองไม่ให้ประมาทหลังจากผ่าน
วิกฤตชีวิตในแต่ละช่วงมาได้

ท่านว่า ...


" This is not the end.

It is not even the beginning of the end.

But it is, perhaps, the end of the beginning"

ไตรลักษณ์

แต่แล้ววันเวลาผ่านไป โตขึ้น ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ได้เข้าใกล้ธรรมะมากขึ้น ก็เริ่มเห็นในความไม่เที่ยงของไตรลักษณ์ ที่ว่า มันเกิด มันมีอยู่แปรปรวน และดับไป

จากที่เคยเห็นในความอลังการ ความน่ามหัศจรรย์ของอนุเสาวรีย์และความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรจนเคยชิน ดวงตาก็ค่อยๆเปิดออกจนเห็นสิ่งอื่นๆที่อาจจะเคยเห็น แต่ไม่เคยรับรู้มาก่อน

ความเสื่อมโทรมต่างๆก็เริ่มเห็นตามมา ไปถามเด็กๆอังกฤษตอนนี้ ว่ารู้จังลุง Churchill ไหม อาจจะส่ายหน้ากันเป็นแถว ที่ร้ายกว่า อาจจะนึกว่าถามหาเจ้าตูบ Bulldog เพราะด้วยความที่หน้าตาท่านจริงจัง แล้วสุนัขพันธ์นี้ดันทะลึ่งมามีคุณสมบัติทางกายภาพคล้ายท่าน คนเลยนิยมนำมาตั้งชื่อนี้ จนเหมือนที่บ้านเราเรียกหมาว่า ด่าง ว่า แดงไปแล้ว


ที่ร้ายกว่านั้นคืออนุเสาวรีย์ที่เคยเห็นว่ายิ่งใหญ่ในใจนั้น กลับถูกวัยรุ่นวันโตกลั่นแกล้งเสมอๆ หน้าที่หนึ่งของตำรวจและเทศบาลอังกฤษในเช้าวันเสาร์วันอาทิตย์คือ ต้องมาเอา 'วัสดุตกแต่ง' ออกจากหน้าตาของอนุเสาวรีย์ของวีรบุรุษเหล่านี้แหละครับ ไม่ว่าจะเป็นโคนจราจรสีส้มเอย หรือแม้แต่หญ้าเขียวๆที่มาบรรจงแต่งให้ท่านนายกฯ Churchill จนกลายเป็น Punk เป็นอะไรไปอย่างหาความเคารพมิได้

ถามว่าทำไมต้องวันเสาร์ วันอาทิตย์ ก็พวกเมากันแล้วน่ะสิครับ

เหมือนกับที่พระพุทธองค์ท่านว่าเลยนะครับ ว่า โลกธรรมขาขึ้นอย่าง ยศลาภสรรเสริญสุข มันก็คู่กับโลกกระทำขาลง อย่าง เสื่อมยศเสื่อมลาภนินทาและทุกข์ จริงๆนะครับ

แล้วจะไปอยากได้อยากเป็นอยากมี มันทำม๊าย !!!

(รู้จักแต่ยังไม่รู้แจ้งอีกแล้วเรา รู้แจ้งได้คงละได้แล้ว)


อนุเสาวรีย์ของทุกคน

เรื่องมันคงจบแค่นี้ครับ ถ้าวันก่อนผมไม่ได้มีโอกาสไปกราบเยี่ยมทำบุญกระดูกของบรรพบุรุษที่ต่างจัดกับญาติๆ ผมก็ได้ไปเดินตามป่าช้า หาดูว่ารู้จักของใครบ้างจะได้แบ่งบุญให้ให้เฉพาะเจาะจงอีก หลังจากทำบุญรวมๆให้แล้ว แต่ก็เดินงงๆหลงๆ จึงกลับมาถามญาติๆว่า โกศไหนบ้างที่บรรจุญาติๆเราไว้

คนเฒ่าคนแก่ก็หันมาชี้ให้บอกว่า อันนั้นอันนี้ไงที่เป็น 'อนุเสาวรีย์' บรรจุกระดูกปู่ย่าตาทวด

ใช่แล้วครับ ผมได้ยินไม่ผิด 'อนุเสาวรีย์' !!!

สิ่งที่ผมเคยอยากได้มาประดับแสดงความเคยมีเคยเป็นจของผมมันปรากฏอยุ่ตรงหน้าผมนี้เอง ที่คนกรุงเรียก โกศ เรียกเจดีย์บรรจุกระดูก คนที่นั่นเรียกอย่างเพราะพริ้งว่า 'อนุเสาวรีย์' ที่ใช้แสดงความอาลัย ความเคารพต่อบรรบุรุษของลูกหลาน ที่ไม่ต้องไปเสาะแสวงหา ไม่ต้องไปไขว่ขว้า แต่สามารถได้มาจากใจจริง

แล้วก็เกิดมรณานุสติครับ ว่า เนี่ย

" อยากได้ อยากเป็น อยากมีแล้วไง เอาไปได้ซะที่ไหน สุดท้ายก็เหลือแค่กองฝุ่นกองเถ้า ที่บรรจุอยู่ในกล่องเล็กๆ ป้ายชื่อที่เคยเด่นชัด ความทรงจำ ที่เคยมี มันก็แค่รอเวลาลบเลือกไป คนร่วมสมัยก็ค่อยๆตายจาก เด็กรุ่นหลังๆก็ไม่รู้จัก คนเราก็มีแค่นี้เอง ...

นี่แหล่ะ อนุเสาวรีย์ของทุกคน."


แปะแข็ง

แหม่ บรรยากาศวันนี้มันจบอย่างหดหู่ วังเวงยังไงไม่ทราบ ผมพามาถึงสุสาน เป็นมรณานุสติแล้ว ไม่อยากให้เสียอารมณ์วันสบายๆอย่างวันอาทิตย์ยามบ่าย เลยพาออกจากสุสาน กลับไปลอนดอนอีกครั้งครับ

เชื่อว่าหลายๆท่านคงเคยได้เล่น แปะแข็ง มาในวัยเด็ก หรือ เล่นกับลูกๆหลานๆ มาแล้ว ยังจำความสนุกได้ไหมครับ ฝรั่งมังฆ้องเค้าก็มีเล่นแปะแข็งเหมือนกัน แต่เค้าเรียกว่า อนุเสาวรีย์ หรือ Statue ครับ คือให้สัญญาณ แล้วต้องหยุด Freeze จนกว่าจะได้รับสัญญาณใหม่

แต่... จะเป็นยังไง ถ้าคนเล่นไม่ใช่เด็ก แต่เป็นคนหลากวัย หลายร้อยคน เกิดหยุดกึ๊กพร้อมๆกัน กลางมหานครลอนดอน สดๆร้อนๆเมื่อเดือนที่ผ่านมาครับ...


ตามไปดูกันเลยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=XugB_yE_lwc&feature=related


บุญใดเกิด ขอถวายให้วีรบุรุษของชนทั่วโลก ผุ้มีอุปาระคุณ มีประวัติความเสียสละ จนเป็นที่ยอมรับนับถือ และบรรพบุรุษของทุกคนในทุกสถานที่ และกาลเวลา

แทน

No comments: