ธรรมะสวัสดีครับ ท่านผู้เจริญ
วันก่อนนึกขึ้นได้ครับว่า ตอนเราบวชเป็นพระเนี่ย สมณะโวหารที่ฟังแล้วประดับใจ เวลาเรียนผู้มากพรรษากว่า เราเรียนว่า 'ภันเต' แปลว่าท่านผู้เจริญ และ ผู้อ่อนพรรษากว่าว่า 'อาวุโส' แปลว่า ผู้มีอายุ ผมว่าเป็นการให้เกียรติกันมากๆทั้งสองฝ่ายนะครับ สิ่งดีๆเหล่านี้แม้นอกผ้าเหลืองแล้วนำมาใช้ก็น่าจะเป็นการดี ตรงกับธรรมเรื่องปิยวาจาในสังคหวัตถุ ๔ อันส่งเสริญการอยู่ร่วมกันอีกด้วย
วันนี้ขอนำกุศลมาให้โมทนาครับ เนื่องจากได้ไปทัวร์วัดป่ามาอีกแล้ว แต่คราวนี้ไปวัดป่ากลางกรุงครับ ที่ซอยจรัญฯ 37 หรือ ที่รู้จักกันในนามของซอยวัดเพลงวิปัสสนา
วัดป่าเชิงเลน
ตรงจากปากซอยเข้าไปลึกเอาเรื่องเลย หลายกิโลอยู่ครับ เราจะเจอ วัดป่าเชิงเลน ซึ่งเป็นวัดในสายของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่สมณศักดืที่ผมชอบมากเลยคือ พระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ วัดหินหมากเป้ง หนองคายครับ
เมื่อเข้ามาจนถึงวัดแล้วอาจจะงงๆนิดเพราะไม่มีป้ายชื่อวัดใหญ่ๆ ดังนั้นต้องควรสังเกตให้ดี ประตูเข้าวัดอยู่หลังสะพาน ซึ่งบางครั้งประตูนี้จะปิดอยู่ ถ้าไม่ได้ lock ก็ให้เข้าประตูคนเดินอ้อมมาเปิดให้รถเข้า หรือ กดออดถ้าถูกคล้อยสายยูอยู่ แล้วนำรถตรงเข้าไปจอดที่ริมน้ำ แล้วเดินเข้าไปที่ตัววัดต่อประมาณ 5 นาทีครับ
ชมธรรมชาติเล่นๆไปก็ได้ครับ เพราะคลองบางกอกน้อยส่วนนนี้น้ำยังใส ปลาเยอะ และมีบางส่วนที่เป็นทุ่งผักตบชวาเลย ร่มเย็นดี
ส่วนตัววัดนั้นก็ไม่ใหญ่มาก ถ้าเป็นนัก marketing ผมคงเรียกวัดนี้ว่า Floating Temple ครับ เพราะว่าตัวอาคารหลายๆหลังนั้นปลูกบนแพบน้ำ วัดสงบร่มเย็นมาก และคงความเป็นวัดป่าไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อว่ากรุงเทพจะมีวัดเช่นนี้อยู่ด้วย
ติดกับศาลาฉันก็จะมีพระพุทธรูปปางนาคปรก มองแว๊บเดียวก็ปิติ เพราะเป็นหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์จำลอง คู่บุญ หลวงปู่สอ พันธุโล อย่างแน่แท้ ซึ่งเป็นพระอริยะเจ้าผู้ผมเล็บได้กลายเป็นพระธาตุ แม้ท่านยังคงชีวิตอยู่ (และท่านมักจะมาโปรดโยมที่กรุงเทพ โดยพำนักที่บ้านเรือนไทยของคุณหญฺงสุรีพันธ์เสมอๆ )
เดินเข้ามาอีกหน่อยก็เห็นอุโบสถ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากศาลาเพราะว่า จริงๆแล้วก็คือ ศาลาโปร่ง ที่ปลูกอยุ่บนฐานของอุโบสถร้างเดิม ที่พระอาจารย์อุทัย ฌานุตฺตโม จาริกมาค้นพบและดำริให้สร้างวัดขึ้น ณ ที่เดียวกันนี้ ได้เข้าไปกราบพระในอุโบสถนี้ และรับถึงกระแสเย็นๆ มากทีเดียว
อ้อ ! สมณะจริตอีกอย่างที่เรียนมานะครับ คือ เวลาจะเข้าไปในพระอุโบสถนั้น ควรถอดรองเท้าไว้นอกใบเสมา เพราะหลังเสมานี้ไปแล้วเป็นเขตบริสุทธิ์ที่พระท่านใช้ประกอบสังฆกรรมทุกๆอย่าง เป็นการเคารพให้เกียรติสถานที่ครับ
พระอาจารย์ภัลลภ เจ้าอาวาส
เจอพระท่านเรียนว่า อยากมาขอธรรมและถวายทาน ท่านเลยให้ไปหาพระอาจารย์ภัลลภ อภิปาโล เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ซึ่งตอนที่ท่านไปเจอนั้นกำลังปัดกวากห้องเก็บของเลยทีเดียว พระอาจารย์นั้นผมเองได้พบและสนทนาอยู่บ้านในงานที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านมา แต่ไม่ได้ลึกซึ้งนัก ด้วยข้อจำกัดทางเวลา แต่ได้ขอโอกาสมากราบท่านที่วัดเพื่อสนทนาเพิ่มเติม อ้อ ! ท่านเป็นพระอุปฐาก ของหลวงปู่บุญฤทธิ์ ด้วยครับ จะเห็นท่านอยู่ข้างกายองค์หลวงปู่เสมอๆ และในเวลานั้นท่านมักจะมีท่าทีขึงขัง เพราะต้องดูแลธาตุขันธ์ของหลวงปู่ฯ
แต่วันนี้ท่านเปี่ยมด้วยเมตตา แนะให้เราไปรอที่ศาลา แล้วท่านก็ตามมาครับ วันนี้พาเพื่อนไป เพราะเพื่อนอยากเจริญพระกรรมฐาน ได้บวชเรียนสั้นๆ ๑๕ วัน แล้วที่วัดชลฯ แต่ไม่ได้เน้นทางด้านนี้มากนักด้วยบวชพร้อมกันเป็นหมู่คณะ และ เหตุปัจจัยหลายๆอย่าง
พระอาจารย์ภัลลภ ก็ได้เมตตา สอนเรื่องรู้เรื่องดูในการปฏิบัติ ตามแนวพระป่า อันมีสมาธิรู้กายรู้จิต ไม่ส่งจิตออกไปข้างนอก และได้กล่าวถึงความสำคัญของพระศาสนา ซึ่งปัจจุบันค่านิยมต่างๆมาทำให้คุณธรรมลบเลือนไป ท่านว่า
" เรื่องสิทธิมนุษยชนสมัยนี้มันถูกใช้จนกลายเป็นขัดต่อหลักพระศาสนา ด้วยพระพุทธเจ้าทรงสอนให้ละความเป็นตัวกู ของกู ความมีตัวตน แต่การอ้างสิทธืนั้น มันต้องมีตัว มีของตัวเป็นบรรทัดฐาน เลยทำให้สังคมอยู่ไม่เป็นสุขเช่นทุกวันนี้ไป "
ก็สะดุ้งไปเล็กน้อย ด้วยว่า ที่ไปด้วยกันก็นักกฏหมายทั้งนั้น ไม่ได้กราบเรียนท่าน แต่ท่านก็ยกข้อนี้ขึ้นมาสอน
ท่านก็เล่าว่า กำลังจัดห้องเก็บของเพื่อสองโอกาส หนึ่งเพื่อนำสังฆทานที่โยมมาถวายไปถวายต่อ ยังวัดป่าบ้านนาสีดา ที่บ้านผือ อุดร มาค้นทราบทีหลังว่าเป็นวัดของหลวงปู่จันทร์โสม ผู้เป็นหลานหลวงปู่เทสก์ เลยกราบโมทนาไปทั้งในจิตที่ไม่ยึดติดกับสิ่งของ และความกตัญญูต่อบูรพาจารย์ของพระอาจารย์ท่าน
โอกาสร่วมสร้างกุศล
- บวชเณร
นอกจากนั้นท่านยังจัดที่จัดทางไว้เพื่องานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จเจ้าฟ้าในพระโกศฯ ในวันที่ 29 มีนานี้ เห็นเด็กๆที่จะมาบวชกว่ายี่สิบคนแล้วปลื้มใจครับ หลายๆคนมาจากอีสาน อยู่ใกล้วัดอยู่แล้ว จริยามารยาทนั้นงามจริงๆ
สามารถร่วมเป็นเจ้าภาพบวชได้นะครับ ไม่กำหนดว่ารุปละเท่าไหร่ หรือจะมาถวายภัตตาหารเณรก็ไดด้ตามสะดวก แต่ทั้งหมดนี้ต้องนำมาด้วยตนเองครับ ไม่น่ายากเพราะอยู่ในเมืองนะครับ
- บำรุงวัด
เห็นว่าอยู่ในช่วงบูรณะศาลาหอฉัน ซึ่งเป็นอาคารที่ใช้แสดงธรรมด้วย มีที่รับบริจาคอยู่ครับ
ก็ได้ร่วมสร้างกุศลนี้ พร้อมนำกัปปิยะภัณท์อันสมควรอื่นๆ และหนังสือหลายๆเล่มรวมทั้งหนังสือหลวงปุ่มั่นที่พี่เอื้อยให้มาไปถวายแด่สงฆ์
บุญใดเกิดขอให้ทุกท่านได้รับบุญนี้ไปด้วย
- รูปปั้นหลวงตาบัว
ที่วัดไม่ได้ทำวัตถุมงคล แต่เห็นว่าได้รูปปั้นหลวงตาบัวขนาด 3 - 5 นิ้วมา 20 รูป พระอาจารย์ท่านเลยให้ออกมาเพื่อโยมได้บูชาไปโดยปัจจัยที่ได้ทั้งหมดจะนำไปเปลี่ยนเป็นทอง ถวายหลวงตามหาบัว ในงานกฐินปีนี้ เห็นว่าลูกศิษย์ท่านตั้งไว้ที่ 2500 - 5000 บาท เพราะทองเดี๋ยวนี้บาทหนึ่งก็ไม่ห่างจากหมื่นห้าซักเท่าไหร่
ท่านบอกยิ่มๆว่า พระเราก็ขออาศัยสร้างบุญบารมีจากหลวงตาท่านเช่นกัน
ความถ่อมตนของพระป่านี่ ตรึงใจจริงๆครับ
มูลนิธิหลวงปู่มั่น
ออกจากวัดกลับมาได้ครึ่งซอย ก็จะเจอมูลนิธิหลวงปู่มั่น ซึ่งในยามปกติก็ใช้เป็นที่พักของพระป่าอาพาธที่ท่านต้องมารักษาตัวที่กรุงเทพ และทุกๆวันอาทิตย์ต้นเดือนก็จะมีแสดงธรรมโดยพ่อแม่ครูบาอาจารย์จากทั้วสารทิศ เช่น พระอาจารย์เปลี่ยน จากเชียงใหม่ หลวงปู่ท่อนจากเลย เป็นต้น
สามารถมาร่วมบุญค่ารักษาพยาบาล ฟังธรรม ฯลฯ ได้ครับ
ในวันที่ 12 เมษา นี้ พระอาจารย์หลวงตามหาบัวจะได้โปรดแสดงธรรมเทศนา และรับผ้าป่าช่วยชาตินะครับ ขอแจ้งให้ทราบ
อ้อ มีเรื่องขำๆอยู่ว่า แม่ชีที่มูลนิธิฯ ได้ขอให้ผมช่วย นำแผ่นประกาศเรื่องงานนี้ มาด้วย เพราะ มีคนศรัทธาทำมาให้ 300 แผ่น แต่มูลนิธิฯนั้นไม่สามารถกระจายออกไปได้หมด
ผมเลยถือป้ายงานบุญยักษ์ไปที่ สยามทั้งสองฝั่ง ไป British Council ไปบน BTS ไป Amarin Plaza ไป หมอชิต ต่อ ตอนแรกๆก็เขิลใช่ย่อยเพราะป้าย ขนากตั้ง 2 * 1 เมตร ใหญ่มาก แต่พอจิตนั้นดับ เกิดความกล้า แล้วความอยากได้บุญมา เลยถือประกาศซะเลยครับ แหะๆ
บุญใดเกิดขอถวายให้เทพเทวาทั้งหลายที่สถิตรักษาแผ่นดินสยาม รักษาพระพุทธศาสนา รักษาเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน และพสกนิกรของพระองค์ครับ
แทน
No comments:
Post a Comment